พิมพ์
หมวด: บทความ
ฮิต: 5350

 

 

รูปเด็กยืนเรียงกันหน้าอาคารสำนักงาน สาขาชะอำ
รูปเด็กยืนเรียงกันหน้าอาคารสำนักงาน สาขาชะอำ

ถ้าดวงตาของคุณมีโอกาสชื่นชมโลกได้เพียงสามวัน คุณอยากมองเห็นอะไรมากที่สุด ?


คำถามนี้เคยถามเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งตาบอดและหูหนวกมาตั้งแต่กำเนิด เธอตอบไว้อย่างลึกซึ้งกินใจว่า

“ฉันเคยคิดบ่อยๆว่า คงจะดีไม่น้อย ถ้ามนุษย์เราตกอยู่ในสภาพตาบอดและหูหนวกสนิท ในเวลาสองหรือสามวันในช่วงที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่

ความมืดจะทำให้เห็นคุณค่าของความสว่างมากขึ้น และโลกเงียบจะสอนให้รู้จักชื่นชมเสียงต่างๆรอบตัว

*เมื่อมีโอกาส ฉันมักจะทดสอบเพื่อนที่ตาดีว่าพบเห็นอะไรบ้าง ไม่นานมานี้ ฉันถามเพื่อนซึ่งกลับจากเดินเล่นในป่า

ว่าพบเห็นอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วก็ได้คำตอบว่า “ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ”

*ฉันไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่เดินเล่นในป่าเป็นชั่วโมง แต่ไม่เห็นอะไรสะดุดตา ...

*ส่วนฉันซึ่งมองไม่เห็นกลับรู้สึกว่า มีสิ่งน่าสนใจมากมายทั้งที่เคยแค่สัมผัส ฉันรู้สึกถึงลายเส้นงดงามของใบไม้ ฉันเคยลูบไล้ผิวเรียบลื่นของต้นเบิร์ชและเปลือกหยาบขรุขระของต้นสน เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิฉันชอบคลำไปตามกิ่งไม้ด้วยความหวังว่า

จะได้สัมผัสตุ่มใบอ่อนอันเป็นสัญญาณว่าธรรมชาติกำลังตื่นจากหลับใหลของฤดูหนาว

*หัวใจฉันร่ำร้องบ่อยๆว่าปรารถนาจะเห็นสิ่งเหล่านี้ แค่สัมผัสฉันยังเป็นสุขถึงเพียงนี้ แล้วถ้าได้เห็นอย่างเต็มตาจะอิ่มเอมใจสักเพียงใด

ฉันลองนึกว่าอยากเห็นอะไรมากที่สุดถ้าดวงตาใช้การได้ปกติ แค่สามวันก็พอ...

*ฉันจะแบ่งเวลาทั้งหมดเป็นสามส่วน วันแรก ฉันอยากเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลที่มอบความเมตตาปรานีแก่ฉันเสมอมา และทำให้ชีวิตมีค่าขึ้น

ฉันไม่รู้ว่าการมองลึกผ่านดวงตาซึ่งเป็น “ หน้าต่างของหัวใจ ” เข้าไปยังก้นบึ้งของดวงใจจะเป็นอย่างไร

*คนตาดีอย่างพวกคุณน่าจะพอใจที่สามารถเข้าถึงอารมณ์อันหลากหลายของผู้อื่นได้ง่ายและไวกว่า เพียงใช้สายตาเฝ้ามองท่าทางที่แสดงออกซึ่งบ่งบอกความรู้สึก แต่จะมีสักกี่คนที่ใช้ประสาทตาพินิจลงไปถึงจิตใจของคนรอบข้าง เกือบทุกคนสนใจเพียงลักษณะภายนอก และไม่เคยคิดจะพิเคราะห์ให้ลึกซึ้งกว่านั้น....”

*หากคุณอยากพบความสุข ขอเพียงไม่มองข้ามความสำคัญของสิ่งต่างๆ รอบตัว หากเราสามารถมองหาความสุขจากสิ่งที่มี ไม่วิ่งหาความสุข  

จากสิ่งที่ไม่มี คงไม่ต้องมาเสียใจภายหลังว่า

***กว่าจะรู้ซึ้งถึงคุณค่า ต่อเมื่อเวลาต้องสูญเสียไป*** 

แหล่งที่มา :  http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=3319